เมื่อซื้อรถมือสองต่อจากคนอื่นจะได้รับความคุ้มครองประกันรถยนต์มาด้วยหรือไม่

vehicle headlight

กำลังสงสัยกันอยู่หละสิว่าถ้าซื้อรถมือสองต่อจากคนอื่นมาพวกความคุ้มครองประกันรถยนต์ที่ทำไว้ แต่ยังไม่หมดอายุตามสัญญา เจ้าของเดิมจะโอนสิทธิให้คนที่ซื้อรถมือสองต่อมาจะได้รับความคุ้มครองตามอายุสัญญาประกันรถที่เหลือได้หรือเปล่า บทความนี้จะมาไขคำตอบทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเฉพาะ

ซื้อรถมือสองได้ความคุ้มครองประกันรถยนต์ด้วยหรือไม่

ปกติเวลาซื้อรถมือสองจากเจ้าของเดิมก็มันจะมีการทำประกันติดรถไว้อยู่แล้ว แต่ปัญหาก็คือประกันรถยนต์ที่ยังไม่หมดอายุตามสัญญาจะถูกโอนไปยังเจ้าของใหม่และคุ้มครองการใช้งานของเจ้าของใหม่หรือไม่ คำตอบคือ ความคุ้มครองประกันรถยนต์ยังมีอยู่ตามอายุสัญญา แม้ว่าจะมีการซื้อขายเป็นรถมือสองไปให้เจ้าของใหม่ก็ตาม ถ้าคุณอ่านกรมธรรม์แล้วสนใจคิดว่าประกันรถยนต์อันเดิมที่เจ้าของเดิมทำไว้ผูกพันกับรถมือสองที่คุณเพิ่งซื้อมาน่าจะพอตอบโจทย์ได้ก็อาจจะยึดประกันรถตามสัญญาเดิม แต่ถ้าอ่านแล้วรู้สึกยังตอบโจทย์ไม่พอก็อาจจะทำประกันรถยนต์กรมธรรม์ใหม่เพิ่มเติมด้วยก็ได้

เมื่อรถและประกันเปลี่ยนเจ้าของต้องไปทำการโอนหรือไม่

เชื่อว่า หลายคนน่าจะกำลังสงสัย ‘ถ้าซื้อรถมือสองและประกันรถเปลี่ยนเจ้าของต้องไปทำการโอนหรือดำเนินการอะไรหรือไม่’ ขอแนะนำให้ทำตามวิธีที่เรานำมาฝาก ดังนี้

  • เช็ครูปแบบประกันรถยนต์

ก่อนที่จะตอบคำถามว่าเมื่อซื้อรถมือสองแล้วอยากได้ประกันรถยนต์กรมธรรม์เดิมจะต้องไปทำการโอนเปลี่ยนชื่อเจ้าของหรือไม่ อาจต้องไปเช็คก่อนว่า รูปแบบประกันรถยนต์เป็นรูปแบบไหน เพราะบางครั้งอาจไม่ต้องไปดำเนินการโอนเปลี่ยนชื่อเจ้าของกรมธรรม์ แต่ส่วนใหญ่มักจะต้องไปทำการเปลี่ยนชื่อเจ้าของ อย่างน้อยก็ต้องแจ้งให้บริษัทประกันรับทราบจะได้ไม่มีปัญหาในภายหลัง เช่น ประกันรถยนต์แบบไม่ระบุผู้ขับขี่ จะต้องนำเอาสำเนาบัตรประชาชนของเจ้าของรถเดิมพร้อมเซ็นยินยอมโอนสิทธิ์ในความคุ้มครองประกันรถยนต์และสัญญาซื้อขายรถยนต์แจ้งให้บริษัทประกันรถยนต์ได้รับทราบ ฯลฯ

  • โอนสิทธิความคุ้มครองในประกันรถยนต์

กรณีที่ซื้อรถมือสองมาแล้วประกันรถยนต์เป็นประกันรูปแบบระบุผู้ขับขี่ก็จำเป็นจะต้องไปดำเนินการโอนสิทธิความคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันรถยนต์ให้เรียบร้อย ด้วยการให้เจ้าของเดิมทำเอกสารยินยอมเปลี่ยนผู้รับผลประโยชน์เป็นเจ้าของใหม่แล้วยื่นไปให้ทางบริษัทประกันรถยนต์ดำเนินการต่อไป ไม่งั้นอาจจะมีค่าใช้จ่ายในเรื่องของ Deductible เมื่อเกิดอุบัติเหตุแล้วบริษัทประกันไม่ทราบมาก่อน

เรื่องที่ควรระวังเกี่ยวกับการซื้อรถมือสองและประกัน

นอกจากข้อสงสัยยอดฮิตที่เราได้มาตอบกันไปเรียบร้อยแล้วก็ยังมีข้อควรระวังอีกเล็กน้อย เพราะมักเกิดปัญหาบ่อย ๆ ด้วย

  • ถามประกันให้ชัดว่า สามารถเปลี่ยนชื่อผู้รับผลประโยชน์ได้หรือไม่และมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมหรือเปล่าก่อนซื้อรถมือสองที่มีประกันติดมาด้วย
  • ตกลงกับเจ้าของเดิมให้เคลียร์เป็นลายลักษณ์อักษรว่า จะแถมความคุ้มครองประกันรถยนต์ที่ยังมีอายุอยู่หรือไม่ เพราะบางกรณีก็เกิดปัญหาเจ้าของเดิมไปขอเวนคืนเบี้ยประกันและยกเลิกสัญญาประกันรถยนต์นั้น ทั้งที่ตกลงกันว่า จะแถมให้ก็มี
  • เช็คกรมธรรม์ว่า ความคุ้มครองพอกับความต้องการหรือเปล่า เพราะบางทีอาจเกิดเหตุไม่คาดฝันแล้วดันคุ้มครองไม่ครอบคลุมก็เป็นได้
  • กรณีคุณเป็นฝั่งคนขายรถมือสองแล้วอยากยกเลิก เพื่อรับเบี้ยประกันคืน ก็สามารถคำนวณเบี้ยประกันที่จะได้รับคืนตามตารางอัตราคืนเบี้ยประกันภัยรถยนต์ ดังนี้
 

จำนวนวันประกันภัย ร้อยละของเบี้ยประกันที่จะได้คืน
1 – 9 72
10 – 19 68
20 – 29 65
30 – 39 63
40 – 49 61
50 – 59 59
60 – 69 56
70 – 79 54
80 – 89 52
90 – 99 50
100 – 109 48
110 – 119 46
   

จำนวนวันประกันภัย ร้อยละของเบี้ยประกันที่จะได้คืน
120 – 129 44
130 – 139 41
140 – 149 39
150 – 159 37
160 – 169 35
170 – 179 32
180 – 189 30
190 – 199 29
200 – 209 27
210 – 219 25
220 – 229 23
230 – 239 22
   

จำนวนวันประกันภัย ร้อยละของเบี้ยประกันที่จะได้คืน
240 – 249 20
250 – 259 18
260 – 269 16
270 – 279 15
280 – 289 13
290 – 299 12
300 – 309 10
310 – 319 8
320 – 329 6
330 – 339 4
340 – 349 3
350 – 359 1
360 – 366 0

สรุปแล้ว ปกติเวลาซื้อรถมือสอง ผู้ซื้อก็จะได้สิทธิต่าง ๆ ในตัวรถ รวมถึงประกันรถยนต์ที่ยังมีอายุตามระยะเวลาของสัญญาประกันรถยนต์ที่เจ้าของเดิมได้ทำไว้อยู่ก็จะตกเป็นของเจ้าของคนใหม่ด้วย เว้นแต่ว่า เจ้าของคนเดิมจะไปยกเลิก เพื่อรับเบี้ยประกันคืน และถ้าจะให้โอนสิทธิถูกต้องทุกขั้นตอน ไม่มีปัญหาภายหลังก็อย่าลืมแจ้งหรือทำเอกสารเปลี่ยนผู้รับประโยชน์ส่งไปถึงมือบริษัทประกันให้เรียบร้อยด้วยนะ หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับประกันรถยนต์ หรือต้องการหาประกันรถยนต์ตัวใหม่ ที่ใช่มากกว่าสัญญาประกันรถฉบับเดิม สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิก!